โดย:นพ. กฤษดา ศิรามพุช ทีมงาน นิตยสาร ต่าย'ตูน
ในยุคหนึ่งศพมัมมี่เคยถือว่าเป็นยาชั้นเลิศ. คนรู้จริงเรื่องสุขภาพจะมีสิ่งหนึ่งที่เป็น "คาริสม่า" ฉายออกมาครับ นั่นคือจะไม่กังวลต่อความเจ็บความตายมากจนเกินไปและไม่หมกมุ่นกับตัวเองจนทุกข์ การที่ต้องพยายามควานหาหรือไขว่คว้าหาวิธีบำรุงสุขภาพตัวเองนั้นเป็นทุกข์ที่เลี่ยงได้ครับ ขออย่างเดียวคือ ขอให้ไม่หมดหวังในเรื่องการมีสุขภาพดีแบบง่ายๆครับ เพราะนี่คือสิ่งหนึ่งที่ธรรมชาติให้สิทธิมนุษย์มาเท่ากันหมดทุกคน ไม่ว่ายากดีมีจน นั่นก็คือ ทุกคนสามารถเลือกกินอาหารมีประโยชน์ เลี่ยงเอาโทษเข้าปากอย่างเหล้าและบุหรี่และก็มีชีวิตที่ไม่บีบคั้นตัวเองเกินไปจนเครียด สัมผัสจากพระราชาก็เคยถูกเชื่อว่ารักษาโรคได้. สิ่งเหล่านี้คือ ศักยภาพที่บรรจุอยู่ในทุกท่าน โดยที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารฮ่องเต้ครบคอร์ส อิมพอร์ตถั่งเช่า หรือเอาหัวใจหมีดีแมลงวันมาบำรุงกันให้วุ่นวายแต่อย่างใด ในยุคที่ผ่านมาไม่ว่ากี่ยุคสมัยกว่าจะพัฒนามาเป็นการแพทย์แผนปัจจุบันอย่างทุกวันนี้ คนเราต้องผ่านวิธีการ "ลองผิด" และ "ลองถูก" กันอย่างวุ่นวายมากมาย ไม่เว้นแม้แต่คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ สัปดาห์นี้คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน จึงขอเล่าถึงนานาวิธีพิสดารที่เคยถูกคิดค้นมาเพื่อรักษาโรค หรือบำรุงสุขภาพ ที่บางอย่างอาจทำให้ท่านอ้าปากค้างกันเลยครับ ชุดคลุมของหมอรักษากาฬโรคเมื่อ 700 ปีก่อน.
สมุนไพร เถาวัลย์เปรียง สมุนไพรช่วยบอกลาอาการปวด สมุนไพร เถาวัลย์เปรียง เถาวัลย์เปรียงหลากชื่อเรียก เถาวัลย์เปรียง หรือชื่อภาษาอังกฤษเพราะ ๆ ว่า Jewel Vine มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Derris scandens (Roxb. ) Benth. อยู่ในวงศ์ถั่ว FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE เป็นสมุนไพรที่พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย จึงมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น ภาคกลางเรียกเถาวัลย์เปรียงแดง หรือ เถาวัลย์เปรียงขาว ตามสีของเนื้อไม้ ภาคเหนือเรียกเครือเขาหนัง หรือ เครือค้องแกบ ภาคอีสานเรียกเครือตับปลา หรือ เครือตาปลา ภาคใต้เรียกย่านเหมาะ หรือ ย่านเมราะ เถาวัลย์เปรียง หน้าตาเป็นยังไงนะ? เถาวัลย์เปรียง เป็นพรรณไม้เถา ชอบเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน ใบย่อยรูปไข่ เป็นมันสีเขียวเข้ม ดอกเป็นช่อสีขาว กลีบรองดอกเป็นสีม่วงดำ ตรงปลายกลีบดอกนั้นจะเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ ผลเป็นฝักแบนเล็ก ๆ ภายในจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-4 เมล็ด เถาวัลย์เปรียง สรรพคุณเด่นจนต้องรู้! 1. แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ในตำรับยาพื้นบ้าน มีการนำเถาของเถาวัลย์เปรียงมาคั่วชงน้ำ แล้วดื่มกินแก้ปวดเมื่อย ส่วนตำรับยาแผนปัจจุบัน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และโรงพยาบาลวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ร่วมกันวิจัยทางคลินิกเพื่อศึกษาประสิทธิผลและผลข้างเคียงของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง จำนวน 70 ราย แล้วพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงชนิดแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน มีอาการปวดหลังลดลงไม่ต่างจากกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาแก้ปวดไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ขนาด 25 มิลลิกรัม วันละ 3 เวลาเท่ากัน 2.
เว็ปไซด์เพื่อการศึกษาหาความรู้ รวมหนังสือน่าอ่าน พร้อมเอกสารให้ ดาวโหลด, ฟรี ข้อสอบ, คู่มือเตรียมสอบ, บทความต่างๆ, คู่มือเกี่ยวกับการศึกษา, คู่มือภาษาอังกฤษ, ถ่ายภาพ, ธรรมมะและหลักธรรมคำสอน, หนังสืออ่านนอกเวลา เตรียมสอบ เป็นการแชร์ข้อมูลต่างๆ เพื่อเรียนรู้ และเป็น ข้อมูลสำหรับทำรายงาน...
ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 กรกฎาคม - 6 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ ธรรมลีลา เผยแพร่ วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ. ศ.
คัมภีร์ไพจิตร์มหาวงศ์ ว่าด้วยลักษณะ และประเภทต่างๆ ของฝี 2 ชนิด 4 ประเภท 1. ลักษณะฝียอดเดียวชนิดหงาย ประเภทที่ 1 จะมีอาการ และประเภทต่างกัน บางทีทำให้ร้อน ทำให้หนาว บางทีกระทำให้คลุ้มคลั่งหาสติมิได้ ให้ขนลุกขนชัน ให้เนื้อเต้น ให้ตา แดงเป็นสายโลหิต 2.