จะอยู่ตรงกลาง มีสายอื่นวิ่งเข้ามาเชื่อม หากใช้สายหนึ่งต่อไปอีกสายหนึ่ง จะต้องมีค่าแรกเข้าหรือไม่" "ถ้ามีเบ็ดเสร็จแล้วค่าโดยสารจะแพงมาก ซึ่งรัฐก็ยังไม่มีการหารือ แต่ผมเริ่มเป็นห่วง" "ผมเป็นผู้ลงทุนจะบอกให้ว่า รัฐควรเริ่มซัลต์เซิลได้แล้ว เมื่อคนใช้รถไฟฟ้าสีต่าง ๆ ค่าแรกเข้าควรจะเท่าไหร่ ปีหน้าบอกว่าจะมีระบบตั๋วร่วมแล้วไง ลดค่าแรกเข้าหรือเปล่า ถ้าลดแล้วรัฐจะซับซิดี้ให้ยังไง จะต้องรู้แล้ว วันหนึ่งค่าเดินทางรถไฟฟ้าเท่าไหร่ในแต่ละวัน ไม่งั้นมีแต่คำสวยงาม แต่ไม่ใช่ของจริง" ถามตรงสไตล์ "เจ้าสัวบีทีเอส" แบบนี้ ไม่รู้เจ้ากระทรวงคมนาคม "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" จะมีคำตอบยังไงให้ชื่นใจ
เสร็จแล้วเราก็จะต้องนั่งปอกกระเทียมไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณบ่าย 4 ก็ขึ้นมาทำงานต่อไปจนถึงราว ๆ 3 ทุ่ม..... ทำเสร็จก็ไปรับเงินค่าแรงที่หัวหน้า 100 บาทค่ะ แต่ถ้าวันไหนลูกค้าเยอะ หัวหน้าก็จะถามว่าอยู่ต่อได้ไหม อีก 2 ชม. 50 บาท ซึ่งส่วนใหญ่พิมก็จะอยู่ต่ออ่ะค่ะ และก็จะกลับถึงบ้านประมาณเที่ยงคืนประจำ หลายคนอ่านแล้วอาจจะสงสัย เด็ก 15.. กลับบ้านดึกขนาดนี้ไม่กลัวอันตรายเหรอ พิมก็ขอตอบว่าไม่กลัวอ่ะค่ะ เหตุที่ไม่กลัวเพราะพิมมีความรู้สึกว่ามันไม่อันตราย อีกอย่างสมัยนั้นแม่พิมขายผักอยู่ที่ตลาดประตูน้ำ แม่พิมต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 3 เพื่อไปขายผักเป็นประจำ ซึ่งพิมก็มักจะไปกับแม่ด้วย (ติดสอยห้อยตามไปตั้งแต่เด็กถึงจน ม.
- ซอสปรุงรส 2 ชต. - น้ำตาลทราย 2 ชช. - ไข่ขาว 1 ฟอง - แป้งมัน 1 ชต. ละลายด้วยน้ำ 1 ชต. ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นวดเล็กน้อย พักไว้อย่างน้อย 1 ชม.
อากาศกรุงเทพฯ เริ่มเย็นลงบ้างแล้ว (เพิ่งสัมผัสได้เมื่อคืน) จนทำให้เมื่อคืนนี้พิมต้องนอนห่มผ้า........ วันนี้พิมก็เลยขอชวนเพื่อนๆ มาทำอะไรร้อนๆ กินกัน เพื่อเป็นการต้อนรับลมหนาวที่กำลังจะมาเยือนนะคะ (ภาวนาขอให้มาเยือนนาน ๆ ด้วยเต๊อะะะะะะะ) พอพูดถึงสุกี้... พิมก็มีเรื่องอยากจะเม้าท์ให้เพื่อน ๆ ฟังอ่ะค่ะว่าสมัยตอนพิมเรียนจบ ม. 3 ใหม่ ๆ ระหว่างรอต่อ ปวช. ช่วงนั้นฐานะทางบ้านพิมก็ลำบากนิดนึงค่ะ พิมเลยต้องหางานพิเศษทำ ซึ่งตอนแรกพิมก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไรดีค่ะ จนกระทั่งมีเพื่อนผู้ชายคนนึงชื่อ ฐิติ เป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.